วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559
เครือข่ายคอมพิวเตอร์และการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีคมนาคมและการสื่อสารนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการ ดำเนินงานทางธุรกิจโดยมีวัตถุประสงค์หลัก 4 ประการดังนี้
1. เพื่อการสื่อสารทางธุรกิจที่ดีขึ้น
2. เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
3. เพื่อการกระจายข้อมูลที่ดีขึ้น
4. เพื่อการจัดการกระบวนการธุรกิจที่สะดวกขึ้น
องค์ประกอบของการสื่อสาร
1. ผู้ส่งข้อมูล (Sender) ทำหน้าที่ส่งข้อมูล
2. ผู้รับข้อมูล (Receiver) ทำหน้าที่รับข้อมูล
3. ข้อมูล (Data) ข้อมูลที่ผู้ส่งข้อมูลต้องการส่งไปยังผู้รับข้อมูล อาจอยู่ในรูปของข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว
4. สื่อนำข้อมูล (Medium) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการขนถ่ายข้อมูล เช่น สายเคเบิล ใยแก้วนำแสง อากาศ
5. โปรโตคอล (Protocol) กฎหรือวิธีที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อการสื่อสารข้อมูลในรูปแบบตามวิธีการสื่อสาร ที่ตกลง กันระหว่าง ผู้ส่งข้อมูล กับ ผู้รับข้อมูล
การใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร
การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ในยุคปัจจุบัน ได้ตะหนักถึง ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีคมนาคมและการสื่อสารมาช่วยงานเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ซึ้งการประยุกต์เทคโนโลยีการสื่อสารในองค์การมีดังนี้
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-mail)
การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และพีดีเอ ส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์ไปยังบุคคลอื่น โดยการสื่อสารนี้บุคคลที่ทำการสื่อสารจะต้องมีชื่อและที่อยู่ในรูปแบบอีเมล์ แอดเดรส
โทรสาร (Facsimile หรือ Fax)
เป็นการส่งข้อมูล ซึ่งอาจเป็นข้อความที่เขียนขึ้นด้วยมือหรือการพิมพ์ รูปภาพ หรือกราฟต่างๆ จากเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่มีอุปกรณ์ที่เรียกว่าแฟกซ์-โมเด็มไปยังเครื่องรับโทรสาร การส่งข้อความในลักษณะนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพสูงกว่าการ ส่งข้อมูลผ่านเครื่องโทรสารธรรมดา
วอยซ์เมล (Voice Mail)
เป็นการส่งข้อความเป็นเสียงพูดให้กลายเป็นข้อความอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ เครือข่ายการสื่อสารข้อความจะถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์บันทึกเสียงที่เรียกว่าว อยซ์เมล์บ็อกซ์ เมื่อผู้รับเปิดฟังข้อความดังกล่าวก็จะถูกแปลงกลับไปอยู่ในรูปแบบของเสียง พูดตามเดิม
การประชุมทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ (Video Conferencing)
เป็นการสื่อสารข้อมูลโดยการส่งภาพและเสียงจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่ง ในการใช้ Video Conferencing จะต้องมีอุปกรณ์สำหรับการบันทึกภาพและอุปกรณ์บันทึกเสียง โดยที่ภาพและเสียงที่ส่งไปนั้นอาจเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีเสียงประกอบได้ การประชุมทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป ประชุม
การระบุตำแหน่งด้วยดาวเทียม(Global Positioning Systems : GPSs)
เป็นระบบที่ใช้วิเคราะห์และระบุตำแหน่งของคน สัตว์ หรือสิ่งของที่เป็นเป้าหมายของระบบ การวิเคราะห์ตำแหน่งทำได้โดยใช้ดาวเทียมระบุตำแหน่ง ปัจจุบันมีการนำไปใช้ในระบบการเดินเรือ เครื่องบินและเริมพัฒนามาใช้เพื่อระบุตำแหน่งของรถยนต์ด้วย
กรุ๊ปแวร์(groupware)
เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของกลุ่มบุคคลให้สามารถทำงาน ร่วมกัน การใช้ทรัพยากรและสารสนเทศร่วมกันโดยผ่านระบบเครือข่าย
การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Fund Transfer : EFT)
ปัจจุบันผู้ใช้สามารถชำระค่าสินค้าและบริการโดยการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ จากบัญชีธนาคารที่ให้บริการโอนเงินอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทัน สมัย กิจกรรมที่ประยุกต์ใช้กันเป็นประจำ ได้แก่ การโอนเงินผ่านทางตู้ ATM
การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Data Interchange : EDI)
เป็นระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างองค์การ โดยใช้แบบฟอร์มของเองกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีรูปแบบมาตรฐานสากล เช่น การส่งใบสั่งสินค้า ใบส่งของ ใบเรียกเก็บเงิน
การระบุลักษณะของวัตถุด้วยคลื่นความถี่วิทยุ(RFID)
เป็นระบบระบุลักษณะของวัตถุด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ปัจจุบันมีการนำ RFID ไปประยุกต์ใช้งานหลากหลายประเภท เช่น ห่วงโซ่อุปทาน ระบบโลจิสติกส์การตรวจสอบฉลากยา การใช้ในฟาร์มเลี้ยงสุกร บัตรทางด่วน บัตรรถไฟฟ้าใต้ดิน ระบบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์
ชนิดของสัญญาณข้อมูล
1. สัญญาณแอนะล็อก(Analog Signal)
เป็นสัญญาณแบบต่อเนื่อง มีลักษณะเป็นคลื่นไซน์ (Sine Wave) โดยที่แต่ละคลื่นจะมีความถี่และความเข้มของสัญญาณที่ต่างกัน เมื่อนำสัญญาณข้อมูลเหล่านี้มาผ่านอุปกรณ์รับสัญญาณและแปลงสัญญาณและแปลง สัญญาณก็จะได้ข้อมูลที่ต้องการ
เฮิรตซ์ (Hertz) คือหน่วยวัดความถี่ของสัญญาณข้อมูลแบบแอนะล็อก วิธีวัดความถี่จะนับจำนวนรอบของสัญญาณที่เกิดขึ้นภายใน 1 วินาที เช่น ความถี่ 60 Hz หมายถึง ใน 1วินาที สัญญาณมีการเปลี่ยนแปลงระดับสัญญาณ 60 รอบ
2. สัญญาณดิจิทัล(Digital Signal)
สัญญาณดิจิทัลเป็นสัญญาณแบบไม่ต่อเนื่อง รูปสัญญาณของสัญญาณมีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปะติดปะต่ออย่างสัญญาณแอนะล็อก ในการสื่อสารด้วยสัญญาณดิจิทัล ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเลขฐานสอง (0และ1) จะถูกแทนด้วยสัญญาณดิจิทัล Bit Rate เป็นอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลแบบดิจิทัล วิธีวัดความเร็วจะนับจำนวนบิตข้อมูลที่ส่งได้ในช่วงระยะเวลา 1 วินาที เช่น 14,400 bps หมายถึง มีความเร็วในการส่งข้อมูลจำนวน 14,4001 บิตในระยะเวลา 1 วินาที
โมเด็ม(Modulator DEModulator หรือ Modem)
โมเด็ม(Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็น สัญญาณแอนะล็อก ความเร็วในการสื่อสารข้อมูลของโมเด็มวันเป็นบิตต่อวินาที (bit per second หรือ bps) ความเร็วของโมเด็มโดยทั่วไปมีความเร็วเป็น 56กิโลบิตต่อวินาที
ทิศทางการส่งข้อมูล(Transmission Mode) สามารถจำแนกทิศทางการส่งข้อมูลได้ 3 รูปแบบ
1. การส่งข้อมูลแบบทิศทางเดียว (Simplex Transmission)
2. การส่งข้อมูลแบบสองทิศทางสลับกัน (Half-Duplex Transmission)
3. การส่งข้อมูลแบบสองทิศทางพร้อมกัน (Full-Duplex Transmission)
ตัวกลางการสื่อสาร
1. สื่อนำข้อมูลแบบมีสาย(Wired Media) สื่อข้อมูลแบบมีสายที่นิยมใช้มี 3 ชนิดดังนี้
- สายคู่บิดเกลียว (Twisted-Pair Cable)
สายคู่บิดเกลียว เป็นสายสัญญาณนำข้อมูลไฟฟ้า สายแต่ละเส้นมีลักษณะคล้ายสายไฟทั่วไป จำนวนสายจะมีเป็นคู่ เช่น 2 , 4หรือ 6 เส้น แต่ละคู่จะมีพันบิดเกลียว การบิดเกลียวนี้จะช่วยลดสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นในการส่งข้อมูล ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้ไกลกว่าปกติ
- สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
สายโคแอกเชียล เป็นสายสัญญาณนำข้อมูลไฟฟ้า มีความถี่ในการส่งข้อมูลประมาณ 100 MHz ถึง500 MHz สายโคแอกเชียลมีความมเร็วในการส่งข้อมูลและราคาสูงกว่าสายบิดเกลียว
- สายใยแก้วนำแสง(Optical Fiber Cable)
สายสัญญาณทำจากใยแก้วหรือสารนำแสงหุ้มด้วยวัสดุป้องกันแสง มีความเร็วในการส่งสูงกับความเร็วแสง สามารถใช้ในการส่งข้อมูลที่มีความถี่สูงได้ สัญญาณที่ส่งผ่านสายใยแก้วนำแสง คือ แสง และ สัญญาณรบกวนจากภายนอกมีเพียงอย่างเดียว คือ แสงจากภายนอก
2. สื่อนำข้อมูลแบบไร้สาย(Wireless Media) การสื่อสารข้อมูลแบบไร้สาย จะใช้อากาศเป็นตัวกลางของการสื่อสาร เช่น
- แสงอินฟราเรด (Infrared) เป็นการสื่อสารข้อมูลโดยใช้แสงอินฟราเรดเป็นสื่อกลาง การสื่อสารประเภทนี้นิยมใช้สำหรับการสือสารข้อมูลระยะใกล้ เช่น การสื่อการจากรีโมทคอนโทรลไปยังเครื่องรับวิทยุหรือโทรทัศน์
- สัญญาณวิทยุ (Radio Wave) เป็นสื่อนำข้อมูลแบบไร้สาย (Wireless Media) ที่มีการส่งข้อมูลเป็นสัญญาณคลื่อนวิทยุไปในอากาศไปยังตัวรับสัญญาณ
- ไมโครเวฟภาคพื้นดิน (Terrestrial Microwave) เป็นการสื่อสารไรสายอีกประเภทหนึ่ง การสื่อสารประเภทนี้จะมีเสาส่งสัญญาณไมโครเวฟที่อยู่ห่างๆ กัน ทำการส่งข้อมูลไปในอากาศไปยังเสารับข้อมูล
- การสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satellite Communication) เป็นการสื่อสารจากพื้นโลกที่มีการส่งสัญญาณข้อมูลไปยังดาวเทียม โดยดาวเทียมจะทำหน้าที่เป็นสถานีทวนสัญญาณ เพื่อจัดส่งสัญญาณต่อไปยังสถานีภาพพื้นดินอื่นๆ ระยะทางจะโลกถึงดาวเทียมประมาณ 22,000ไมล์
หลักเกณฑ์การพิจารณาเลือกสื่อนำข้อมูล
1. ราคา
2. ความเร็ว
3. ระยะทาง
4. สัญญาณรบกวนที่อาจจะเกิดขึ้น
5. ความปลอดภัยของข้อมูล
มาตรฐานเครื่อข่ายไร้สาย (Wireless Networking Protocols)
1. บลูทูธ (Bluetooth)
2. ไวไฟ (Wi-Fi)
3. ไว-แมกซ์ (Wi-MAX)
สรุปองค์ประกอบของสารสนเทศ
สรุปองค์ประกอบของสารสนเทศ
1. ฮาร์ดแวร์
ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบสารสนเทศ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์รอบข้าง รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเป็นเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องกราดตรวจ
เมื่อพิจารณาเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งเป็น 3 หน่วย คือ
· หน่วยรับข้อมูล (input unit) ได้แก่ แผงแป้นอักขระ เมาส์
· หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
· หน่วยแสดงผล (output unit) ได้แก่ จอภาพ เครื่องพิมพ์
คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้หลายประเภท เช่น
1. ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการกับระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานด้านต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้
1. ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการกับระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานด้านต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้
3. ข้อมูล
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของระบบสารสนเทศ อาจจะเป็นตัวชี้ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของระบบได้ เนื่องจากจะต้องมีการเก็บข้อมูลจากแหล่งกำเนิด ข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มีการกลั่นกรองและตรวจสอบแล้วเท่านั้นจึงจะมีประโยชน์ ข้อมูลจำเป็นจะต้องมีมาตรฐาน
4. บุคลากร
บุคลากรในระดับผู้ใช้ ผู้บริหาร ผู้พัฒนาระบบ นักวิเคราะห์ระบบ และนักเขียนโปรแกรม เป็นองค์ประกอบสำคัญในความสำเร็จของระบบสารสนเทศ บุคลากรมีความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์มากเท่าใดโอกาสที่จะใช้งานระบบสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ได้เต็มศักยภาพและคุ้มค่ายิ่งมากขึ้นเท่านั้น
5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนของผู้ใช้หรือของบุคลากรที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อได้พัฒนาระบบงานแล้วจำเป็นต้องปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอนในขณะที่ใช้งานก็จำเป็นต้องคำนึงถึงลำดับขั้นตอนการปฏิบัติของคนและความสัมพันธ์กับเครื่อง ทั้งในกรณีปกติและกรณีฉุกเฉิน
ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนของผู้ใช้หรือของบุคลากรที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อได้พัฒนาระบบงานแล้วจำเป็นต้องปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอนในขณะที่ใช้งานก็จำเป็นต้องคำนึงถึงลำดับขั้นตอนการปฏิบัติของคนและความสัมพันธ์กับเครื่อง ทั้งในกรณีปกติและกรณีฉุกเฉิน
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบสารสนเทศมี 5 ส่วนคือ
1. ฮาร์ดแวร์(เครื่องจักรอุปกรณ์)
2. ซอฟต์แวร์
3. ข้อมูล
4. บุคลากร
5.ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ซอฟต์แวร์ คือลำดับขั้นตอนคำสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ซอฟต์แวร์ จึงหมายถึงชุดคำสั่งที่เรียง เป็นลำดับขั้นตอนสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ และประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ
ข้อมูล เป็นวัตถุดิบที่ทำให้เกิดสารสนเทศ ข้อมูลที่เป็นวัตถุดิบจะต่างกัน ขึ้นกับสารสนเทศที่ต้องการ เช่น ในสถานศึกษามักจะต้องการ สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนักเรียน ข้อมูลผลการเรียน ข้อมูลอาจารย์ ข้อมูลการใช้จ่ายต่าง ๆ ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งที่มีบทบาทต่อการให้เกิด สารสนเทศ
บุคลากร เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจวิธีการให้ได้มาซึ่งสารสนเทศ จะเป็นผู้ดำเนินการ ในการทำงานทั้งหมด บุคลากรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ บุคลากรภายในองค์กรเป็นส่วนประกอบที่จะทำให้เกิด ระบบสารสนเทศด้วยกันทุกคน เช่น ร้านขายสินค้าแห่งหนึ่ง บุคลากรที่ดำเนินการในร้านค้าทุกคน ตั้งแต่ผู้จัดการถึงพนักงานขาย เป็นส่วนประกอบที่จะทำให้เกิดสารสนเทศได้
ขั้นตอนการปฏิบัติ เป็นระเบียบวิธีการปฏิบัติงานในการจัดเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำให้เป็นสารสนเทศได้ เช่น กำหนดให้ มีการป้อนข้อมูลทุกวัน ป้อนข้อมูลให้ทันตามกำหนดเวลา มีการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องอยู่เสมอ กำหนดเวลาในการประมวลผล การทำรายงาน การดำเนินการ ต่าง ๆ ต้องมีขั้นตอน หากขั้นตอนใดมีปัญหาระบบก็จะมีปัญหาด้วย เพราะทุกขั้นตอนมีผลต่อระบบสารสนเทศ
เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผล คัดเลือก คำนวณ หรือพิมพ์รายงาน ผลตามที่ต้องการ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้รวดเร็ว มีความแม่นยำในการทำงาน และทำงานได้ต่อเนื่อง คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ จึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบสารสนเทศ
HTML
HTML คือ ภาษาหลักที่ใช้ในการเขียนเว็บเพจ โดยใช้ Tag ในการกำหนดการแสดงผล HTML ย่อมาจากคำว่า Hypertext Markup Language โดย Hypertext หมายถึง ข้อความที่เชื่อมต่อกันผ่านลิ้ง (Hyperlink) Markup language หมายถึงภาษาที่ใช้ Tag ในการกำหนดการแสดงผลสิ่งต่างๆที่แสดงอยู่บนเว็บเพจ ดังนั้น HTML จึงหมายถึง ภาษาที่ใช้ Tag ในการกำหนดการแสดงผลเว็บเพจที่ต่างก็เชื่อมถึงกันใน Hyperspace ผ่าน Hyperlink
ประโยชน์ของ HTML
การที่มันช่วยให้เราสามารถ เผยแพร่เอกสารต่าง ๆ ของเราให้คนทั้งโลกได้อ่านอย่างไม่จำกัดในระบบของเครื่องหรือว่าระบบของ OS ไม่ว่าใครจะใช้ ระบบปฏิบัติการอะไรก็ตาม ที่มี broswer ที่สามารถอ่าน file format HTML ได้ล่ะก็ ก็จะสามารถเปิดไฟล์เอกสารที่เราต้องการ เผยแพร่อ่านได้ทันทีครับ ไม่เว้นแม้แต่ระบบปฏิบัติการ Unix ที่ run ใน Text Mode ก็สามารถอ่านได้
Responsive Web คืออะไร?
Responsive Web Design คือ การออกแบบเว็บไซต์ด้วยแนวคิดใหม่ ที่จะทำให้เว็บไซต์ สามารถแสดงผลได้อย่างเหมาะสม บนอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน โดยใช้ โค้ดร่วมกัน URL เดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
หลักการของ Responsive Web Design
การจะทำ Responsive Web Design มักใช้เทคนิคหลายๆ อย่าง ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น Fluid Grid, Flexible Images และ CSS3 Media Queries
เริ่มแรกคือการทำ Fluid Grid ซึ่งก็คือการออกแบบ Grid ให้เป็นแบบ Relative ซึ่งก็คือการที่ไม่ได้กำหนดขนาดของ Grid แบบตายตัว แต่จะกำหนดให้สัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ เช่น กำหนดความกว้างแบบเป็น % หรือการใช้ font-size หน่วยเป็น em เป็นต้น
ต่อมาคือการทำ Flexible Images หรือการกำหนดขนาดของ Images ต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์กับขนาดของหน้าจอแสดงผล หากรูปต้นฉบับมีขนาดใหญ่มาก เวลาแสดงในมือถือที่มีจอขนาดเล็ก ก็ควรลดขนาดลงมา เพื่อให้แสดงผลได้อย่างสวยงาม เป็นต้น
สุดท้ายคือการใช้ CSS3 Media Queries ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนด style sheets สำหรับ Devices ต่างๆ ได้ โดยส่วนใหญ่ เราจะเขียน style sheets พื้นฐานเอาไว้ ซึ่งกลุ่มนี้ จะไม่ขึ้นอยู่กับ Devices ใดๆ หลังจากนั้นให้เราเขียน style sheets สำหรับ Devices ที่มีขนาดหน้าจอที่เล็กสุด เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงขนาดใหญ่สุด ซึ่งการเขียนแบบนี้ จะช่วยลดความซ้ำซ้อนของโค้ด และยังทำให้การแก้โค้ดในภายหลังทำได้ง่ายอีกด้วย
ข้อเสียของ Responsive Web Design
Responsive Web Design ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง เนื่องจากการเขียนโค้ดเดียว ให้รองรับหลายๆ Devices จึงอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอขนาดเล็ก ถึงแม้เราจะซ่อนเนื้อหาบางส่วนที่ไม่จำเป็นเอาไว้ เช่น โฆษณา แต่ในบางเว็บบราวเซอร์ ข้อมูลเหล่านี้ยังจะถูกโหลดเข้ามาอยู่ รวมไปถึงเรื่องของ Image Resizing ที่เราไม่ได้ไปลด File Size ของตัว Image จริงๆ ทำให้โทรศัพท์มือถือจำเป็นต้องโหลดรูปเดียวกับรูปที่ใช้แสดงบน Desktop ทำให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น
วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ซอฟแวร์ที่ใช้ในงานออกแบบ 3มิติ
Google SketchUp (โปรแกรมออกแบบบ้าน 3 มิติ สร้างโมเดล 3 มิติ) : โปรแกรม
SketchUp เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Google ชื่อเสียงเรียงนามของผู้พัฒนา ก็คงไม่ต้องบรรยายแล้วว่าดีหรือไม่ดี
ที่คราวนี้เข็นเจ้า โปรแกรมออกแบบบ้าน หรือเอาไว้
สร้างโมเดล 3 มิติ ออกมาภายใต้ชื่อ Google SketchUp ออกมาให้คนอยากออกแบบ อยากเล่น อยากลอง อยากฝึกใช้ได้ทดลองใช้
หรือจะให้เด็กๆ ลองใช้ โปรแกรมออกแบบบ้าน ฝึกจินตนาการ ของเด็ก และเยาวชน กับ โปรแกรม SketchUp
SketchUp Make (โปรแกรมทำแบบบ้าน ออกแบบห้อง สร้างโมเดล 3 มิติ) : โปรแกรมนี้
เป็นโปรแกรมออกแบบ 3 มิติ สามารถสร้างภาพที่เป็นภาพจำลอง
เพื่อใช้สำหรับ งานเขียนแบบ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โปรแกรมนี้สามารถเป็นได้ทั้งโปรแกรมออกแบบบ้าน หรือจะเป็น โปรแกรมออกแบบห้อง ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน
ห้องนั่งเล่น (ห้องรับแขก) หรือจะนำไปสร้างโมเดล 3 มิติ
แบบออกแบบรถ ออกแบบอาคาร ออกแบบสิ่งก่อสร้าง ต่างๆ ก็สามารถได้
โดยมีวิธีการใช้งานที่ไม่ยากเลย เพราะจะมีวีดีโอสอนการใช้งาน (VDO Tutorials)
และ การให้ลองทำตาม ในขณะใช้งานโปรแกรมได้เลย
หากมีการออกแบบอะไรที่ไม่ซับซ้อนมาก โปรแกรมออกแบบ ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมออกแบบ ที่น่าสนใจมากๆ
เพราะไม่ต้องไปซื้อโปรแกรมราคาแพงๆ เสียเงินหลายแสนมาใช้
ZWCAD (โปรแกรมเขียนแบบ เปิดไฟล์ .DWG เหมือน AutoCAD
แต่ราคาถูก) : สำหรับโปรแกรมนี้มีชื่อว่า โปรแกรม ZWCAD มันเป็น
โปรแกรมเขียนแบบ ประเภท CAD ที่ย่อมาจากภาษาอังกฤษเต็มๆ ว่า Computer
Aided Drafting / Design โปรแกรมเขียนแบบ ZWCAD ตัวนี้ สามารถทำงานได้เหมือน ออโตแคต (AutoCAD) มีประสิทธิภาพสูง
ถูกลิขสิทธิ์ แน่นอน และมีราคาถูกมากๆ ถูกพัฒนาโดยทีมผู้พัฒนาโปรแกรมจากประเทศจีน
มีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาถูกกว่ามากพอสมควร
ZWCAD ถือว่าเป็น
โปรแกรมเขียนแบบ ลิขสิทธิ์ ที่สามารถใช้งานทดแทนโปรแกรมเขียนแบบอื่นๆ ที่มี
ราคาคุ้มค่า ที่สุดในขณะนี้ และสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้งานอย่างครบถ้วน
สามารถทำตัวเป็น โปรแกรมออกแบบบ้าน ได้เป็นอย่างดีด้วย
ZWCAD+ (ZWCAD Plus) : โปรแกรมนี้เป็น โปรแกรม ZWCAD หรือ โปรแกรมออกแบบ รุ่นใหม่ที่ถูกปรับปรุงพัฒนาจาก ZWCAD เวอร์ชั่นเก่าที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากการพิสูจน์การใช้งานจริงโดยกลุ่มลูกค้าผู้ใช้
CAD กว่า 400,000 รายทั่วโลก
ด้วยเวอร์ชั่นใหม่ที่ได้ปรับปรุงพัฒนามากขึ้นนี้จะนำประสบการณ์ใหม่ๆที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานด้านการออกแบบสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Maya (โปรแกรมทำแอนิเมชั่น
สร้างการ์ตูน Animation) : โปรแกรม AutoDesk Maya เป็น โปรแกรมทำแอนิเมชั่น 3 มิติ (3D) ชั้นสูง ที่หนังแอนิเมชั่น ต่างๆ นิยมใช้สร้างกัน นิยมนำไปใช้สร้างการ์ตูน
Animation 3 มิติ เรียกได้ว่าใครเป็นนี่ถือว่าเทพเลยทีเดียว
โปรแกรม Autodesk Maya ใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลสมจริง
โดดเด่นกว่า โปรแกรมทำแอนิเมชั่น 3 มิติในตลาดซอฟต์แวร์ตอนนี้
โดยโปรแกรมทำแอนิเมชั่นนี้เป็นโปรแกรมรูปแบบ Open Architecture คือ งานทั้งหมดที่คุณได้สร้างสรรค์นั้นสามารถแปลงเป็น Script ต่างๆ ได้ รวมถึงยังมี API ที่รองรับทั้ง Maya
Embedded Language (MEL), Python และภาษาอื่นๆ ได้นั่นเอง
การใช้งานโปรแกรมทำแอนิเมชั่น
สร้างการ์ตูน Animation นี้รองรับมาตรฐานต่างๆ
ด้านงานกราฟิก 3 มิติทุกประเภท เช่น 3D Visual
Effects, Computer Graphics และเครื่องมือในการ สร้างการ์ตูน Animation
ราวกับว่ามีทีมงานสร้างหนังแอนิเมชั่น 3 มิติอยู่ใกล้ๆ
ตัวเลยครับ ด้วยโปรแกรม AutoDesk Maya คุณสามารถจะสร้างผลงานทีวี,
พัฒนาเกม และงานออกแบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
กลุ่มเป้าหมายของการใช้งานโปรแกรม
AutoDesk Maya นี้ คือ ผู้ใช้งานทุกประเภทตั้งแต่ผู้เริ่มต้น จนไปถึงระดับ Professional
เลยทีเดียว ภายในโปรแกรมมีวีดีสอนการใช้งานโปรแกรมอย่างครบถ้วนทุกฟีเจอร์
เช่น การใช้ Keyframe, เลือกองค์ประกอบเฉพาะส่วน
และพรีวิวการ Rendering เป็นต้น
ซอฟแวร์ที่ในงานออกแบบ 2มิติ
LibreCAD (โปรแกรมออกแบบ โปรแกรมวาดแบบ 2 มิติ) : โปรแกรมออกแบบ LibreCAD
เป็น โปรแกรมออกแบบ 2
มิติ หรือที่เรียกว่า CAD 2D (Computer-Aided Design
Program) ที่อยู่ในโปรเจคโอเพ่นซอร์ส (Open-Source) หากได้ยินชื่อนี้เมื่อไหร่ พึงระลึกเอาไว้เลยว่า แจกฟรี แน่นอน
เพราะเป็นการพัฒนาที่เกิดขึ้นจากนักพัฒนาโปรแกรมฝีมือดีจากทั่วโลก
ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน โปรแกรมออกแบบ ตรงนี้ได้เป็นพื้นที่
ที่จะมาร่วมออกแบบแลัพัฒนาร่วมกัน โดย โปรแกรมออกแบบ ตัวนี้สามารถออกแบบวัตถุต่างๆ
ได้ 2 มิติ (2D) เท่านั้น
ซึ่งสามารถใช้ออกแบบวัตถุ สื่งของ หรืออะไรก็ได้ที่ง่ายๆ อาทิเช่น
กลไกของเครื่องจักรกล วิศวกรออกแบบสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น เป็น โปรแกรมออกแบบบ้าน ได้ดี
หรือจะไปใช้ ออกแบบครัวเรือน ออกแบบตึก ออกแบบอาคาร ออกแบบห้อง
เพื่อใช้สอยในกิจการ หรือ สถานการณ์ ต่างๆ รวมไปถึงการ ออกแบบถุงพลาสติก
ออกแบบเสื้อผ้า ด้านหน้าด้านหลัง ได้เป็นอย่างดี แล้วแต่ตามใจชอบ
BricsCAD (โปรแกรมเขียนแบบ รองรับไฟล์ .DWG เหมือน AutoCAD) : สำหรับ โปรแกรม BricsCAD เป็นโปรแกรมเขียนแบบ
ถูกลิขสิทธิ์แท้ ๆ จากประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) เป็น
โปรแกรมออกแบบที่สามารถใช้งานทดแทนโปรแกรมเขียนแบบ AutoCAD ได้เลย
มันสามารถใช้ เปิดไฟล์ DWG ได้เลย
นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานแทน โปรแกรมออกแบบ อื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด
มีราคาคุ้มค่าที่สุด สามารถออกแบบงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เขียนแบบทางวิศวกรรม
เขียนแบบโยธา หรือจะทำตัวเป็น โปรแกรมออกแบบบ้าน ออกแบบตึก
ออกแบบอาคารสูง หรืองานเขียนแบบอุตสาหกรรม ต่างๆ โปรแกรมนี้ตอบโจทย์ให้คุณได้หมด
Ashampoo 3D CAD
Architecture (โปรแกรมออกแบบสิ่งก่อสร้าง อาคาร) : โปรแกรมนี้จัดถือเป็น โปรแกรมออกแบบสิ่งก่อสร้าง ถูกพัฒนาโดยบริษัทผู้พัฒนา
โปรแกรมจากประเทศเยอรมัน อย่าง Ashampoo เป็นโปรแกรมที่เอาไว้ให้คุณได้
สามารถออกแบบห้องเดี่ยว อาคาร อพาร์ทเม้นท์ สนาม สนามเด็กเล่น สวนหย่อม
สำหรับเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ โปรแกรมออกแบบบ้าน นี้ยังแสดงแบบจำลองในลักษณะ
3 มิติ หรือจะออกแบบเป็น 2 มิติ
ก็สามารถทำได้ ประโยชน์ของมันก็หลายด้าน อาทิเช่น
เพื่อสำหรับการทดลองจัดวางเฟอร์นิเจอร์เพื่อเนรมิตแบบห้องต่างๆ
ในคอมพิวเตอร์ของคุณเสียก่อน ด้วยรูปแบบ โปรแกรมออกแบบบ้าน ที่แสดงผลเสมือนจริงให้คุณ ปรับตกแต่ง ได้ก่อนจะใช้จริง โดยโปรแกรมนี้ มันสามารถที่จะส่งออกผลงานการออกแบบ ได้หลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ ตระกูล CYG, 3DS, Caligari TrueSpace, DXF, VRML,
Lightwave หรือแม้แต่ Wavefront
QCad (โปรแกรมออกแบบ CAD แบบ 2 มิติ
ฟรี) : โปรแกรมนี้เป็น
โปรแกรมออกแบบ ประเภท CAD 2 มิติ แจกฟรี QCAD ขนาดเล็ก สามารถใช้ออกแบบได้หลากหลาย ใช้งานง่าย มีรูปร่างหน้าตาโดยคล้ายๆ โปรแกรมวาดรูป อย่าง Paint
แต่จริงๆ หารู้ไม่ว่ามันคือโปรแกรมออกแบบ ที่มีคุณภาพเทียบเท่า
โปรแกรมออกแบบแพงๆ ราคาหลายหมื่นหลายแสนบาทเลยทีเดียว
ภายในโปรแกรม
มีรูปทรงหลายรูปทรง วาดรูป ลากเล้น โค้งเว้า วงรี (Ellipse) ลายสลัก (Spline) หรือจะเป็นแบบ
Polylines หรือเส้นหลายเหลี่ยม ออกแบบร่างต่างๆ
มีรูปแบบตัวอักษร แบบ TrueType Font ที่ใช้ในการออกแบบ
มากกว่า 35 แบบ สนับสนุนการออกแบบ วาดรูปแบบชั้น (Layer)
มีรูปแบบบล็อกให้เลือก สามารถวาดภาพได้หลากหลาย
สนับสนุนไฟล์ตระกูล .DXF และ .DWG ทั้งการนำไฟล์เข้า และส่งไฟล์ออก (Input / Output) สามารถพิมพ์ออกมาผ่านเครื่องปริ้นเตอร์ได้ที่สนับสนุนทั้ง
2 โหมดคือ พิมพ์ชิดขอบในหน้าเดียวกัน หรือ
พิมพ์แบบต่อกันลงบนกระดาษหลายๆ แผ่น หลายๆ หน้าได้อีกด้วย
Artlantis Render (โปรแกรม Artlantis ออกแบบอาคาร แอนิเมชั่น) : โปรแกรม Artlantis เป็นที่นิยมในกลุ่มสถาปนิกและผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก เป็นซอฟต์แวร์ เรนเดอร์ ลิขสิทธิ์ ที่ได้ทั้งคุณภาพ
และความรวดเร็ว Artlantis Render ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการนำเสนอทัศนียภาพที่มีคุณภาพสูง
ทั้งงานออกแบบอาคาร งานตกแต่งภายใน งานภูมิสถาปัตย์ งานเครื่องประดับ
งานออกแบบรถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย โปรแกรมออกแบบ BIM และ CAD ส่วนใหญ่ที่สามารถเรนเดอร์ได้
จะมีข้อมูลมากเกินความจำเป็นสำหรับการเรนเดอร์ ไฟล์งาน CAD จึงมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
ตามพัฒนาการของตัวโครงการ ซึ่งข้อมูลส่วนที่ไม่จำเป็นต่อการเรนเดอร์ก็จะมากขึ้น
และไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร จึงทำให้เปลืองหน่วยความจำฮาร์ดดิส
โปรแกรม Artlantis สามารถทำงานในขณะที่โปรแกรมกำลังเรนเดอร์งานอยู่
ซึ่งในโปรแกรม CAD อื่นๆ ไม่สามารถทำได้ และโปรแกรมออกแบบบ้าน Artlantis สามารถตัดไฟล์งานที่ไม่จำเป็นออกให้ท่านแบบอัตโนมัติ
ท่านจึงไม่เปลืองพื้นที่ในฮาร์ดดิสของท่านในส่วนงานเก่าที่ไม่จำเป็น Artlantis
เป็นโปรแกรมแบบ Stand-alone ไม่ใช่โปรแกรมแบบ Plug
in ทำให้สามารถ
แยกงานที่กำลังเรนเดอร์ออกจากไฟล์งานที่กำลังออกแบบอยู่ได้ ในขณะที่ Artlantis
กำลังคำนวนเรื่องเรนเดอร์ไฟล์งานหลักก็ยังสามารถทำงานต่อไปได้โดยที่ไม่เสียเวลา
Synfig Studio (โปรแกรม Synfig Studio ออกแบบแอนิเมชั่น 2 มิติ) : สำหรับโปรแกรมนี้มีชื่อว่า
โปรแกรม Synfig Studio มันเป็นโปรแกรมที่เอาไว้ออกแบบ หรือ
สร้างแอนิเมชั่น แบบ 2 มิติ (2D Animation Software) เอาไว้ใช้ในการสร้างแอนิเมชั่นภาพเคลื่อนไหวการ์ตูน ต่างๆ
โดยผ่านการออกแบบด้วยเส้นเวกเตอร์ และกราฟฟิกแบบบิตแมป (Bitmap) โดยคุณสามารถสร้างการเคลื่อนไหวของตัวการ์ตูนด้วยภาพนิ่งกันแบบเฟรมต่อเฟรม
ช็อตต่อช็อต ให้คุณได้เนรมิตสร้างการ์ตูนแอนิเมชั่นแบบ 2 มิติ
ได้ขึ้นมาง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง โดยโปรแกรม Synfig Studio ตัวนี้ถือว่ากินทรัพยากรเครื่องต่ำมากๆ
ใช้งานง่าย เรียนรู้เร็วอีกต่างหาก เหมาะกับการใช้ทำการเรียนการสอน โดยอาจารย์ ครู
เอาไว้ใช้สอนนักเรียนนิสิตนักศึกษา ได้เป็นอย่างดี
โดยการใช้งานนั้นลักษณะมันจะเป็นควบคุมด้วยระบบเส้นเวลา
หรือ ไทม์ไลน์ (Timeline) คล้ายๆ
กับ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอโดยทั่วๆ
ไปว่าในแต่ละช็อต แต่ละวินาที
ที่ผ่านไปนั้นการเคลื่อนไหวของตัวละครในการ์ตูนของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
โดยมีแถบเครื่องมือที่คล้ายกับ โปรแกรมวาดรูป มาให้เล่นกันมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการ สามารถเปลี่ยนสี ใส่กรอบ ลากเส้น เติมรูปทรงต่างๆ
เข้าไปในเฟรมได้มากมาย กำหนดระดับความช้าเร็วได้ตามใจชอบ ใส่ฟิลเตอร์
เอฟเฟคลูกเล่นต่างๆ ได้เพียบ ด้านการทำงานในการออกแบบ แบ่งลำดับเป็นเลเยอร์ (Layer-Based)
เพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขในภายหลัง เหมือนโปรแกรมมืออาชีพเลยทีเดียว
เรียกได้ว่าความสามารถของ โปรแกรม Synfig Studio ตัวนี้พกมาแบบจัดเต็มมากๆ
ลอง ดาวน์โหลดโปรแกรม ตัวนี้ไปใช้กันดูได้เลย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)